วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

ทำไมใช้เจียวกู้หลานแล้วไม่ได้ผล

เจียวกู้หลานใช้แล้วไม่ได้ผล จริงหรือไม่
     ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนเรื่องสมุนไพร นอกจากได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่แล้ว ( บางคนทานครบแต่ส่วนใหญ่จะทานไม่ครบเป็นประจำเสมอๆ ) การได้รับสารอาหารไม่ครบจะทำให้ร่างกายป่วย อาการป่วยจะแสดงออกมาเมื่อไหร่เป็นเรื่องของความแข้งแรงของร่างกายแต่ละบุคคล เจียวกู้หลานสามารถเสริมร่างกายในส่วนที่ขาดไปและเพิ่มปริมาณ ORAX ให้ร่างกายได้ดีกว่าผักทั่วๆ ไป
     เจียวกู้หลานมีปริมาณที่ให้กับร่างกายแตกต่างกัน เจียวกู้หลานจากธรรมชาติจะให้โอสถสารมากที่สุดและมีปริมาณการรับทานขั้นต่ำจึงสามารถเสริมร่างกายกับยาหมอในการช่วยร่างกายโดยไม่มีผลเสริมฤทธิ์ยาหรือต้านฤทธิ์ยาใดๆ จึงปลอดภัย 
     การใช้เจียวกู้หลานจากธรรมชาติ จะให้ผลดีกว่าการใช้เจียวกู้หลานปลูก และการใช้เจียวกู้หลาน จะมีปริมาณขั้นต้นที่ร่างกายควรได้รับเพื่อจะได้โอสถสารไปใช้ในร่างกายตรงตามความต้องการ
 ปริมาณการใช้เจียวกู้หลานจะแตกต่างกันไปตามอาการที่ผิดปกติของแต่ละอาการ
เทียบเป็นอัตรส่วนได้ดังนี้ ( เจียวกู้หลานธรรมชาติ หากเป้นเจียวกู้หลานปลูกจะได้ลดลง )
เม็ดแค็ปซูลขาด 500 มิลลิกรัมจะให้สารจิปีโนไซด์ที่ประมาณ 65 - 80
ชาชง 1 ช้อนชา จะให้สารจิปีโนไซด์ที่ประมาณ 10 - 25 ( แช่น้ำร้อน ) หากเอาไปต้มให้ 25 - 40
นี่คือเหตุผลที่ บางคนใช้แล้วไม่ได้ผล

เจียวกู้หลานจากธรรมชาติ
โอสถสารในเจียวกู้หลานมากกว่า 80 ชนิด ในเจียวกู้หลาน ทำให้เจียวกู้หลานกำลังได้รับความสนใจจากผู้รักสุขภาพเนื่องจากการใช้ธรรมชาติบำบัดปลอดภัยกว่าไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยาเคมีและยาปฎิชีวนะรักษาโรคทั่วไป
เจียวกู้หลานธรรมชาติต่อสู้กับสภาวะอากาศไม่ไม่เอื้ออำนวย โรคที่คุกคามและแมลงศัตรู
ทำให้ต้องสร้างสารธรรมชาติเพื่อปกป้องให้มีชีวิตรอด สารนี้เป็นโอสถสารชั้นยอดที่เจียวกู้หลานปลูกมีน้อยหรือไม่มีเลย รสชาดจึงออกขมไม่หวานเหมือนเจียวกู้หลานปลูก

เจียวกู้หลานปลูก
สังเกตุดูลักษณะต้น จะถูกคุมโดยให้ปุ๋ย เพื่อให้ใบใหญ่ได้ปริมาณมากๆ
เป็นผลดีต่อการค้าและธุรกิจแต่ต้องใช้ปริมาณมากเพื่อให้ได้โอสถสารในการช่วยร่างกาย



เจียวกู้หลานธรรมชาติ ( ซ้ายมือ )
เจียวกู้หลานปลูกและผ่านกระบวนการทางเคมี ( ขวามือ )
หลังจากการแปรรูป

เจียวกู้หลานเปรียบเทียบเจียวกู้หลานดีต่อสุขภาพเจียวกู้หลานป่าคัดพิเศษชาเจียวกู้หลานเจียวกู้หลานเปรียบเทียบ เจียวกู้หลานธรรมชาติ ( ซ้ายมือ ) เจียวกู้หลานปลูกและผ่านกระบวนการ ( ขวามือ )

บรรจุภัณฑ์ผิดกฎของ อย ( ห้ามไม่ให้มีการอวดอ้างสรรพคุณ )

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

อาหารจานด่วน

อาหารสำหรับคนทำงาน ( รีบเร่งและเร่งด่วน )
ความรู้เรื่องโภชนาการ สมัยเรียนฃั้นประถม เราทุกๆ คนคงได้เรียนกันและประโยคนิรันดรที่ว่ากินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพ จนเกิดคำถามตามมาว่าใครกันบ้างในโลกนี้ที่กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ กันบ้าง สำหรับคนทำงานไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่มีครบ ดูจากอาหารด้านล่าง
อาหารจานรีบเร่งประจำวันของเรา
ข้าวผัดกุ้ง
































อาหารประจำวัน

อาหารการกินประจำวัน

อาหารหลัก 5 หมู่ แต่ละหมู่มีอะไรสำคัญอย่างไร


เมื่อพูดถึงอาหาร 5 หมู่เราต่างก็รู้ว่ามีความจำเป็นต่อการเลือกรับประทานอาหารในทุกๆวัน แต่เชื่อเถอะว่าหลายคนยังจำหรือแยกไม่ได้ท่องได้ไม่ครบ 5 หมู่ หรือคืนครูไปหมดแล้ว วันนี้ทางเราจึงได้ทำการพูดถึงเรื่องอาหาร 5 หมู่สักหน่อย ว่ามีอะไรบ้างและมีประโยชน์อย่างไร ไปดูกันเลย
1.โปรตีน เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว โปรตีน ถือว่าเป็นธาตุอาหารที่สำคัญที่สุดในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โปรตีน เป็นสารอินทรีย์ ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ของ สายยาวของกรดอะมิโน (amino acid) ในแง่โภชนาการ โปรตีนเป็นสารอาหาร ที่ให้พลังงาน โปรตีน 1 กรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี (calorie) โปรตีนเป็นส่วนประกอบของร่างกาย ที่มีปริมาณมากเป็นอันดับสองรองจากน้ำ โดยเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของเซลสิ่งมีชีวิต เช่น เอนไซม์ (enzyme) ฮอร์โมน ซึ่งจำเป็นต่อการทำงาน และการดำรงชีวิต มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการเสริมสร้างเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอของสัตว์
ประโยชน์ของโปรตีน : ช่วนในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างกระดูก กล้ามเนื้อ น้ำย่อย ฮอร์โมน
- ประโยชน์ต่อเซลล์ผิว มีหน้าที่สร้างใยคลอลาเจนใต้ชั้นผิวหนังในร่างกาย ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และช่วยเชื่อมประสานแต่ละเซลล์ให้ยืดติดกันเป็นเนื้อเดียว ทั้งช่วยปกป้องริ้วรอยก่อนวัยได้ และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ผมและเล็บของเราอีกด้วย
- ประโยชน์ต่อระบบกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อทุกมัดมีโครงสร้างพื้นฐานจากกรดอะมิโนหลากหลายชนิดเรียงร้อยกันเป็นมัดกล้าม ดังนั้นโปรตีนคุณภาพจึงมีความสำคัญในการสร้ามเนื้อให้แข็งแรง
- ประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของร่างกายและระบบภูมิต้านทาน โปรตีนคุณภาพมีส่วนช่วยในการทดแทนเซลล์ที่สูญเสียไปในแต่ละวัน ช่วยลดกลไกการแข็งตัวของเลือด รวมทั้งเป็นส่วนประกอบหลักของภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย
- ประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร เนื่องจากอาหารที่เราทานเข้าไป ต้องใช้เอนไซม์หลายชนิด รวมถึงสารคัดหลั่งจากกระเพาะอาหาร ตับอ่อน และลำไส้เล็ก เพื่อช่วยแปรเปลี่ยนอาหารให้มีหน่วยเล็กลงและสามารถดูดซึมได้ง่าย หากร่างกายได้รับโปรตีนคุณภาพซึ่งเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะช่วยให้อาหารต่างๆ ถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างอาหารที่ให้โปรตีน
พืชสังเคราะห์โปรตีนได้จากไนโตรเจน ส่วนคนและสัตว์ชั้นสูงอาศัยกรดอะมิโนที่ได้รับจากอาหาร แหล่งอาหารโปรตีนที่สำคัญของมนุษย์และสัตว์ ได้แก่ เนื้อสัตว์ (meat) นม (milk) ไข่ (egg) ถั่ว (legume) เช่น ถั่วเหลือง เมล็ดธัญพืช (cereal grain) นอกจากนี้ จุลินทรีย์ เช่น ยีสต์ สาหร่าย เห็ดหนอน แมลงที่กินได้ก็เป็นแหล่งของโปรตีนที่ดี
2.คาร์โบไฮเดรต ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน คาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) คือ สารประกอบอินทรีย์ เป็นสารอาหารที่เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของมนุษย์ คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงานเท่ากับ 4 แคลอรี 

ประโยชน์ของคาร์โบไฮเดรต
- ให้พลังงานและความร้อน  (  1  กรัม  ให้พลังงาน 4 แคลอรี่ )
- ช่วยสงวนโปรตีนให้ร่างกายนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์มากที่สุด
- คาร์โบไฮเดรตที่เหลือใช้   เปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้
ตัวอย่างอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรต
ได้แก่ เมล็ดธัญพืชแป้ง สตาร์ซ น้ำตาลข้าว ขนมปัง ข้าว
3.เกลือแร่หรือแร่ธาตุ เป็นสารอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ร่างกายต้องการและขาดไม่ได้เพราะแร่ธาตุบางชนิดเป็นส่วนประกอบของอวัยวะและกล้ามเนื้อบางอย่าง  เช่น  กระดูก  ฟัน  เลือด  บางชนิดเป็นส่วนของสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน  เฮโมโกลบิน  เอนไซม์  เป็นต้น  นอกจากนี้แร่ธาตุยังช่วยในการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำหน้าที่ปกติ  เช่น  ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท  การแข็งตัวของเลือด  และช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในการไหลเวียนของของเหลวในร่างกาย

ประโยชน์ของแร่ธาตุ
ช่วยในเรื่อง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ฟัน ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส ช่วยให้ระบบการย่อย และการขับถ่ายเป็นปกติ
ตัวอย่างอาหารที่ให้แร่ธาตุ
พืช ผัก ชนิดต่างๆ
4.วิตามิน เป็นสารอาหารที่ร่างกายของเราต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็ไม่สามารถขาดได้ ถ้าขาดจะทำให้ระบบร่างกายของเราผิดปกติ หรือเกิดโรคต่างๆได้ วิตามินแบ่งออกเป็น 2 พวก ได้แก่
- วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินซี และวิตามินบีรวม
- วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ ดี อี เค

ประโยชน์ของวิตามิน
บำรุงสุขภาพของผิวหนังให้สดชื่น  บำรุงสุขภาพปาก  เหงือก  และฟัน ช่วยให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายเป็นปกติ
ตัวอย่างอาหารที่ให้วิตามิน
ผลไม้ชนิดต่างๆ
5.ไขมัน ที่ให้พลังงานที่มีส่วนประกอบหลักคือที่ไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9แคลอรี (calorie) ขณะที่โปรตีน และคาร์โบไฮเดรท ให้พลังงาน 4 แคลอรี
ประโยชน์ของไขมัน
พลังงานและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยในเรื่องการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน  ได้แก่  วิตามินเอ  วิตามินอี  วิตามินดี  และวิตามินเค  นอกจากนี้ไขมันยังช่วยในการป้องกันการกระทบ กระเทือนของอวัยวะภายในอีกด้วย

ตัวอย่างอาหารที่ให้ไขมัน
- ไขมันเป็นอาหารสำคัญที่มีความจำเป็นต่อร่างกายและเป็น 1 ในอาหาร 5 หมู่ ที่มีประโยชน์ นอกเหนือจากโปรตีน คาร์โบไฮเดรท วิตามินและเกลือแร่ 
- ไขมันช่วยในการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน (Fat soluble Vitamins)เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ไขมันให้พลังงานแก่ร่างกายที่สูงที่สุดคือ 9 แคลอรี่ต่อ 1 กรัมของไขมัน ช่วยทำให้ร่างกายมีพลังงานที่จะทำงานและประกอบกิจวัตรประจำวัยได้ตามปกติ
- ไขมันช่วยปกป้องและกันความร้อน รวมทั้งคอยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ โดยทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน (ThermalInsulator) ของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและอวัยวะที่อยู่ภายในร่างกาย
- ไขมันช่วยเป็นเสมือนกันชนให้ร่างกาย คือช่วยป้องกันการกระเทือนของอวัยวะภายในร่างกาย ที่เกิดจากแรงกระแทกหรือการเคลื่อนไหวอย่างแรงของร่างกาย ซึ่งคอยป้องกันการบาดเจ็บของอวัยวะภายในร่างกาย
- ไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อประสาทนั่นคือ เส้นประสาทของคนเราจะมีไขมันเป็นส่วนประกอบในอัตราที่สูง โดยเฉพาะจะหุ้มเส้นประสาท ช่วยในการป้องกันเส้นประสาทให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อถูกสั่งจากสมองไปยังกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
- ไขมันเมื่อรวมกับโปรตีนก็คือ ไลโปโปรตีน (Lipoproteins) จะเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะผนังเซลล์และไมโตคอนเดรีย ส่วนนี้มีประโยชน์สำหรับคนเรามาก เพราะร่างกายของเราประกอบเป็นตัวตนด้วยเซลล์หลายๆ ล้านเซลล์ และเซลล์ของร่างกายเรา จะผลิตทุกวันเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นั่นคือ ถ้าขาดไขมัน ผนังเซลล์ของร่างกายเราก็จะอ่อนแอ เซลล์ที่ตายไปก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้


อาหารเสริมจำเป็นต่อร่างกาย

อาหารเสริมจำเป็นต่อร่างกาย
ร่างกายของเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้สารอาหารที่ได้จากอาหารเพื่อดำรงคงอยู่ของอวัยวะของร่างกาย การได้สารอาหารที่ไม่จำเป็นมากๆ ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายและอาจก่อให้เกิดโทษกับร่างกายโดยที่เราอาจคาดไม่ถึง
     การขาดสารอาหารที่จำเป็นก็เช่นกัน ถ้าขาดสารอาหารเป็นระยะเวลานานๆ ร่างกายจะพยายามแปรเปลี่ยนสารอาหารในร่างกายมาทดแทน ถ้าเราไม่สามารถนำสารอาหารมาทดแทนให้ทันเวลาจะเกิดโทษต่อร่างกายอย่างรุนแรงถึงขั้นสูญเสียการดำรงของร่างกายเลยก็ว่าได้
ศาสตราจารย์ อลันโลแกน แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ด (HMS-CME) ได้กล่าวว่าอาหารเสริม (supplements) คือ สิ่งที่มาช่วยเติมเต็มสารอาหารให้แก่ร่างกายเท่านั้น ไม่ใช่อาหารที่สามารถกินแทนมื้อหลักได้ สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้คือ

     1. มัลติวิตามิน (Multivitamins) 
        เป็นอาหารเสริมที่รวมวิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกาย ควรได้รับในแต่ละวัน มีส่วนประกอบหลักคือแคลเซียม และธาตุเหล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกายให้สดชื่นกระฉับกระเฉง มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร และในทางสูตินรีแพทย์นิยมให้วิตามินชนิดนี้แก่ผู้ป่วยสตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร เพื่อเพิ่มเติมความสมบูรณ์ของครรภ์มารดาอีกด้วย มัลติวิตามินที่เป็นที่นิยมกินเป็นอาหารเสริม คือ วิตามินบีคอมเพล็กซ์

      2. โพรไบโอติก (Probiotics) 
        ร่างกายควรได้รับอาหารเสริมจำพวกจุลินทรีย์และแบคทีเรีย เพื่อประโยชน์ในการย่อยอาหารอีกทั้งยังช่วยให้เกิดความสมดุลของระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายได้อีกด้วย อาหารเสริมประเภทนี้ได้แก่ ไฟเบอร์ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว

      3. สารสกัดจากพืช (Herbal) 
        อาหารเสริมที่ได้จากสารสกัดจากพืชช่วยให้เราบริเวณได้ง่ายขึ้น ร่างกายยังสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ในทันที เช่น ขมิ้นชันอัดเม็ด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด สารสกัดจากใบแปะก๊วยอัดเม็ด ช่วยบำรุงสมองและความจำ เป็นต้น โดยส่วนต่าง ๆ ของพืชที่นำมาสกัดคือ ต้นอ่อน (ยอดใบ) ราก ดอก ผล ก้าน ใบ อาหารเสริมประเภทนี้ไม่สะสมในร่างกายและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด ๆ

      4. กรดอะมิโน (Amino acid) 
        อาหารเสริมจำพวกกรดอะมิโน คือหน่วยย่อยโปรตีน ที่หน้าที่บำรุงเส้นผม ผิวพรรณ ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเซลล์เนื้อเยื่อ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย อาหารเสริมจำพวกนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต อาหารเสริมยอดนิยมประเภทนี้คือ น้ำมันสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก และน้ำมันสกัดจากเมล็ดพืช

     5. พืชผักต่างๆ 
       อาหารจำพวกนี้มีความจำเป็นมากกับร่างกายในยุคปัจจุบัน เนื่องจากมลภาวะเป็นพิษมาก ก่อให้เกิดโรคต่างๆ มลพิษทำให้อ็อกซิเจนในร่างกายเกิดอาการเพี้ยนของเซลร่างกายอันเป็นต้นเหตุและสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ในคนเราเสริมให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และอื่นๆ ที่หนักที่สุดคือ มะเร็ง ในหนึ่งวันควรได้รับผักเป้นจำนวน 3000 ยูนิค ( ค่า Orax ) เพื่อต่อต้านกระบวนการการเกิดอนุมูลอิสระ

     อาหารเสริมพื้นฐานที่ควรเลือกบริโภค

        1. วิตามินบีคอมเพล็กซ์ (Vitamin B-comples) คืออาหารเสริมที่รวมตั้งแต่ บี 1 ถึง บี 12 ที่ประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสำคัญต่อระบบประสาทและสมอง ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดพลังงานแก่ร่างกาย ผู้ใหญ่ควรบริโภคประมาณ 50-100 มิลลิกรัมต่อวันในทุกเช้า

        2. วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่ตับของมนุษย์ไม่สามารถผลิตออกมาได้เอง จึงจำเป็นที่จะต้องเติมเต็มเข้าสู่ร่างกาย และเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำจึงไม่สะสมอยู่ในร่างกาย สามารถแบ่งกินระหว่างวันได้ทุก ๆ 6 ชั่วโมง ปริมาณบริโภคที่แนะนำคือ 60-90 มิลลิกรัมต่อวันช่วยป้องกันการขาดสารอาหาร และปริมาณ 3,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน ช่วยบำรุงร่างกาย วิตามินซีช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น ช่วยลดปัญหาในช่องปากและฟัน เช่น เลือดออกตามไรฟันบำรุงเหงือก

        3. ซิงก์ (ZINC) เป็นแร่ธาตุที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์และฮอร์โมนเพศ และช่วยชดเชยพลังงานที่สูญเสียไปกับเหงื่อ มีสารประกอบเมทัลโปรตีน ซึ่งเป็นโปรตีนสังเคราะห์ที่ช่วยในกระบวนการเจริญเติบโตของเซลล์ และเนื้อเยื่อ ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ 5.5-9.5 มิลลิกรัมในผู้ชาย และ 4-7 มิลลิกรัมในผู้หญิง ควรกินพร้อมอาหาร หากกินเพียงอย่างเดียวขณะท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้

        4. โอเมก้าทรี (Omega-3) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สกัดจากปลาทะเล และพืชจำพวกถั่ว เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นดีเอชเอ (DHA) โดยอวัยวะตับ แต่จากผลการวิจัยขององค์การความปลอดภัยของอาหารแห่งยุโรป (EFSA) ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าช่วยบำรุงสมองในเด็ก แต่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูกและไขข้อต่างๆ ช่วยลดสภาวะจิตใจหดหู่ ลดคอเลสตอรอลในเลือด และลดอัตราเสี่ยงเป็นโรคหัวใจปริมารบริโภคที่แนะนำคือไม่ควรเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

        5. โปรตีนจำเป็น ( Essential protein) เป็นอาหารเสริมที่สกัดได้จากนม ผลิตภัณฑ์จากธัญญพืชเป็นสารอาหารที่จำเป็น ในเด็กมีปริมาณโปรตีนจำเป็น 11 ชนิด และในผู้ใหญ่มี 9 ชนิด เป็นส่วนที่เสริมไม่ให้ร่างกายทรุดโทรมเร็ว

    เหตุผลที่ควรกินอาหารเสริม


        1. มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแย่ เช่น สูบบุหรี่จัด หรือติดแอลกอฮอล์ ไลฟ์สไตล์เช่นนี้ เทียบได้กับการสะสมพิษที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว และยังมีพฤติกรรมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เช่น กินอาหารไม่เป็นเวลา การกินอาหารแบบเร่งรีบจึงเคี้ยวไม่ละเอียด กินอาหารด้วย อาการเครียด พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ร่างกายกายดูดซึมสารอาหารไม่ได้เต็มที

        2. ภาวะร่างกายสูญเสียพลังงาน เช่น หญิงตั้งครรภ์ หญิงสูงอายุ หญิงวัยหมด ประจำเดือน หรือร่างกายปฏิเสธไม่รับอาหาร เพื่อใช้ในการสะสมความแข็งแรง เติมความสมบูรณ์ให้กับร่างกาย

        3. อยู่ท่ามกลางสภาวะเป็นพิษ เช่น ร่างกายสะสมมลพิษไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ภูมิต้านทานอ่อนกำลังลง และใช้เวลานานกว่าร่างกายจะขับออกมหดทำให้สุขภาพอ่อนแอง่ายกว่าปกติ

        4. กระบวนการแปรรูปอาหาร เช่น การกินอาหารในภัตตาคาร หรือในร้านอาหารตามสั่งเป็นประจำ ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้ว่ามีสิ่งแปลกปอลมใดเพิ่มเติมมาในจานอาหารทำให้เราไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วน

        อาหารเสริมที่เหมาะกับตัวเองคือ อาหารเสริมที่ช่วยบำรุงสุขภาพของเราให้ดีขึ้น ช่วยฟื้นฟูปัญหาสุขภาพได้อย่างตรงจุด เช่น อาการนอนไม่หลับ อาการอ่อนเพลีย หรือแม้แต่การช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญคือ ต้องปลอดภัยต่อสุขภาพกระดูก ตับและระบบประสาทของเราด้วย สิ่งสำคัญในการบริโภค คือ ควรกินตามปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวัน หากเกินปริมาณที่กำหนดไว้อาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้

ควรกินอาหารเสริมพร้อมกับอาหารหรือควรกินเปล่าๆ อย่างไหนดีกว่ากัน
โดยทั่วไปแล้วร่างกายจะดูดซึมอาหารเสริมได้ดีขึ้นเมื่อกินกับอาหาร และคนส่วนมากยังรู้สึกว่าตนจะไม่ลืมกินอาหารเสริม หากกินพร้อมกับอาหารแต่ละมื้อโดยเฉพาะมื้อเช้า ตามทฤษฎีแล้ววิตามินเอ ดี อี และเค ละลายได้ในไขมัน จึงควรจะกินกับไขมัน ซึ่งในทางปฏิบัติหมายถึงอาหารมื้อใดก็ได้นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีมาตรการพิเศษอื่นใดอีก อย่างไรก็ดีเราไม่ควรกินอาหารเสริมพร้อมกับอาหารที่มีรำข้าวและกากใยอาหารในรูปเข้มข้นที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการดูดซึมได้

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

หมอไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

ป่วยประจำ ทำไมต้องไปหาหมอ
     เมื่อเรารู้สึกไม่สบายแล้วเกิดเจ๊บป่วยชึ้นมา ในความคิดของคนทั่วๆ ไป มักจะคิดตรงกันคือ ต้องไปหาหมอ ( พบแพทย์ ) เพื่อให้หมอรักษาอาการป่วยของเรา นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องการอุบัติของโรค มันเกิดโรคขึ้นได้อย่างไร อาการจะดำเนินไปและพัฒนาเป็นอาการอะไรต่อไป จะมีอาการข้างเคียงอะไรบ้าง และจะต้องใช้ยาอะไร กินยาขนาดเท่าไร กินยานานเท่าใด เหล่านี้หมอจะเป็นผู้ที่รู้ดีกว่าเราเพราะหมอเรียนมาและหมอมีประสบการณ์รักษาคนไข้มาย่อมรู้ดีกว่าเรา

หมอที่เก่งมีประสบการณ์มักจะมีคนไข้ไปรอที่คลีนิคของคุณหมอเยอะมาก ( ตอนเย็นๆ หลังเลิกงานประจำ ) การได้รักษากับหมอที่เก่งทำให้โอกาสของการป่วยบรรเทาลงหรือหายได้เปอร์เซนต์จะสูงกว่าหมอที่ไม่เก่งนีเป็นแนวคิดตามปกติ
     หมอไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะทำให้คนไข้ทุกคนหายป่วยได้ หมอต้องใช้การวินิจฉัยโรคและการวางยาควบคู่กันไป หลายคนหายหลายๆ คนไม่หาย ดังนั้นเราต้องให้ความร่วมมือกับคุณหมอ โดยการให้ข้อมูลรายละเอียดของการป่วยกับคุณหมอให้ได้มากที่สุดเพื่อคุณหมอจะได้วินิจฉัยโรคได้อย่างตรงที่สุด